คุนหมิง นครแห่งประวัติศาสตร์ และการพัฒนา
คุนหมิง นครแห่งประวัติศาสตร์ และการพัฒนา
คุนหมิง นครหลวงของมณฑลยูนาน เมืองเอกทางตอนใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ปัจจุบันได้กลายเป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ที่สามารถค้นหาข้อมูลในอดีตได้ตามโบราณสถานต่างๆ ซึ่งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวแห่งความยิ่งใหญ่ของชาวจีน
ด้านระบบเศรษฐกิจ นครแห่งนี้ได้ปรับตัวให้ทัดเทียมกับนานาอารยะประเทศ หลังจากรัฐบาลจีนได้เปิดประเทศ เพื่อรองรับการลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาของชาวต่างชาติ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดการพัฒนาที่กลายเป็นความยิ่งใหญ่ทางแถบตอนใต้ของแดนมังกร
.jpg)
ชีวิตอิสระ ขอนำเสนอการเดินทางต่างแดน เพื่อให้ผู้อ่านทุกท่านได้เสริมภูมิความรู้ และเป็นวิทยาทานให้แก่ผู้ที่ยังไม่มีโอกาสเดินทางไปยังนคร คุนหมิง เมืองหลวงของมณฑลยูนาน ในจีน ทั้งด้านของประวัติศาสตร์ โบราณสถาน รวมถึงแหล่งชอพพิงของหนุ่ม/สาวชาวจีน ในยุคโลกาภิวัตน์
การเดินทางไปต่างแดนในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ที่จัดคาราวานประหยัดน้ำมัน อีซูซุ ซูเพอร์คอมมอนเรล ในคอนเซพท์ น้ำมัน 1 ถัง…เที่ยวไกลถึงจีน โดยออกสตาร์ทจากเชียงราย และไปสิ้นสุดการแข่งขัน ณ นครคุนหมิง แห่งมณฑลยูนาน หลังจากสิ้นสุดการแข่งขัน การเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ก็ได้เกิดขึ้น
นครคุนหมิง เป็นเมืองเอกของมณฑลยูนาน อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ปัจจุบันมีจำนวนประชากรอาศัยอยู่ทั้งสิ้นกว่า 5 ล้านคน จึงไม่น่าแปลกใจว่าการขยายตัวของสิ่งปลูกสร้างที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีจะเกิดขึ้น ณ ดินแดนแห่งนี้ และด้วยสภาพภูมิอากาศที่มีอุณหภูมิระหว่าง 17-25 องศาเซลเซียส จึงได้ถูกขนานนามว่าเป็นนครแห่งฤดูใบไม้ผลิ
ภาษาโดยทั่วไป จะใช้ภาษาจีนกลาง หรือที่มีชื่อเรียกว่า "ภาษาแมนดาริน" ซึ่งจะใช้กันทั่วทุกหนแห่ง แต่สำหรับนักท่องเที่ยวนั้น คงจะสนทนากับชาวคุนหมิงลำบาก เนื่องจากภาษาสากล หรือว่าภาษาอังกฤษนั้น ทางรัฐบาลจีนเพิ่งนำไปบรรจุในหลักสูตรการศึกษาได้ไม่นาน หากจะสนทนาภาษาอังกฤษ ควรต้องเลือกคู่สนทนาให้ดี เพราะประชากรส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 จะสื่อสารโดยภาษาจีนกลางเพียงอย่างเดียว
เมืองโบราณกวนตู้
ชมเมืองเก่ากับการพัฒนาของกาลเวลา
ชีวิตอิสระ ขอนำเสนอการเดินทางต่างแดน เพื่อให้ผู้อ่านทุกท่านได้เสริมภูมิความรู้ และเป็นวิทยาทานให้แก่ผู้ที่ยังไม่มีโอกาสเดินทางไปยังนคร คุนหมิง เมืองหลวงของมณฑลยูนาน ในจีน ทั้งด้านของประวัติศาสตร์ โบราณสถาน รวมถึงแหล่งชอพพิงของหนุ่ม/สาวชาวจีน ในยุคโลกาภิวัตน์
การเดินทางไปต่างแดนในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ที่จัดคาราวานประหยัดน้ำมัน อีซูซุ ซูเพอร์คอมมอนเรล ในคอนเซพท์ น้ำมัน 1 ถัง…เที่ยวไกลถึงจีน โดยออกสตาร์ทจากเชียงราย และไปสิ้นสุดการแข่งขัน ณ นครคุนหมิง แห่งมณฑลยูนาน หลังจากสิ้นสุดการแข่งขัน การเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ก็ได้เกิดขึ้น
นครคุนหมิง เป็นเมืองเอกของมณฑลยูนาน อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ปัจจุบันมีจำนวนประชากรอาศัยอยู่ทั้งสิ้นกว่า 5 ล้านคน จึงไม่น่าแปลกใจว่าการขยายตัวของสิ่งปลูกสร้างที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีจะเกิดขึ้น ณ ดินแดนแห่งนี้ และด้วยสภาพภูมิอากาศที่มีอุณหภูมิระหว่าง 17-25 องศาเซลเซียส จึงได้ถูกขนานนามว่าเป็นนครแห่งฤดูใบไม้ผลิ
ภาษาโดยทั่วไป จะใช้ภาษาจีนกลาง หรือที่มีชื่อเรียกว่า "ภาษาแมนดาริน" ซึ่งจะใช้กันทั่วทุกหนแห่ง แต่สำหรับนักท่องเที่ยวนั้น คงจะสนทนากับชาวคุนหมิงลำบาก เนื่องจากภาษาสากล หรือว่าภาษาอังกฤษนั้น ทางรัฐบาลจีนเพิ่งนำไปบรรจุในหลักสูตรการศึกษาได้ไม่นาน หากจะสนทนาภาษาอังกฤษ ควรต้องเลือกคู่สนทนาให้ดี เพราะประชากรส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 จะสื่อสารโดยภาษาจีนกลางเพียงอย่างเดียว
เมืองโบราณกวนตู้
ชมเมืองเก่ากับการพัฒนาของกาลเวลา
สถานที่แรกซึ่งอยากแนะนำให้รู้จัก มีชื่อว่า เมืองโบราณกวนตู้ คำว่า กวนตู้ หากแปลเป็นภาษาไทยจะหมายถึง ท่าเรือของขุนนาง ในอดีตสถานที่แห่งนี้ เคยเป็นท่าเรือเก่าแก่ และยังเป็นย่านการค้าที่มีชื่อเสียงในภาคกลางของมณฑลยูนาน ปัจจุบันได้ถูกสร้างขึ้น เพื่อระลึกถึงความรุ่งเรืองในประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ทั้งเพื่ออนุรักษ์สถาปัตยกรรมของร้านค้าแบบจีนในสมัยก่อน รวมถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าทั้ง 25 ชนเผ่า ภายในจะมีลานอเนกประสงค์ที่อยู่ส่วนกลางของเมืองโบราณ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเจดีย์แบบทิเบตขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยร้านค้า แหล่งชอพพิง เสื้อผ้า รวมถึงอาหารพื้นเมืองนานาชนิด
ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ ทำให้เมืองโบราณกวนตู้แห่งนี้ เป็นศูนย์รวมของหนุ่ม/สาวหลากหลายชาติพันธุ์ บ้างก็มาเดินออกกำลังกาย บ้างก็ออกมาจับจ่ายซื้อของตามร้านค้าที่ตั้งอยู่ทั่วบริเวณ ทั้งแบบร้านโบราณ และร้านที่สร้างเลียนแบบให้เข้ากับการตกแต่งภูมิทัศน์โดยรอบสถานที่ เมืองโบราณแห่งนี้เป็นที่คุ้นเคยกันดีสำหรับบรรดาคอหนังจีนกำลังภายใน เพราะใช้เป็นฉากถ่ายทำหนังหลายเรื่อง
วัดหยวนทง
ที่ประดิษฐานของพระพุทธชินราช
หลังจากทราบข้อมูลคร่าวๆ ถึงความรุ่งเรืองในอดีตของเมืองโบราณกวนตู้ แห่งคุนหมิง ยังมีสถานที่น่าสนใจ และมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 1,200 ปี นั่นคือ วัดหยวนทง วัดแห่งนี้นอกจากจะมีอายุที่ยาวนานกว่า 1,000 ปี สถานที่แห่งนี้ ยังเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจของประชาชนชาวจีน และนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลไปสักการะเจ้าแม่กวน 24 กร ที่อยู่ในศาลาแปดเหลี่ยม ตั้งตระหง่านอยู่กลางวัด โดยมีบ่อน้ำสีเขียวมรกต ซึ่งกลายเป็นอุทยานเต่าและฝูงปลาอาศัยอยู่นับ 1,000 กว่าชีวิต
ด้านหลังของศาลาแปดเหลี่ยม เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชินราช ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งถูกอันเชิญจากประเทศไทยในสมัยรัฐบาลของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างไทย/จีน ด้านหน้าศาลาหลังนี้ จะมีรูปปั้นสิงห์หน้าประตูทางเข้าถึง 2 ตัว โดยมีความเชื่อว่า สิงห์ทั้ง 2 ตัวนี้ จะช่วยขจัดโรคภัยไข้เจ็บ เพียงแค่ได้ลูบไล้อวัยวะที่เจ็บป่วย และอธิษฐาน ก็จะหายสมดังคำขอ เช่น ปวดหัวก็ให้ลูบที่หัว หรือปวดขาก็ให้ลูบที่ขา แต่ถ้าหากลูบผิดตัว ก็จะไม่สมหวังดังใจคิด เพราะสิงห์ทั้ง 2 มีทั้งเพศผู้ และเพศเมีย นอกจากนี้ยังมีร้านขายของฝากที่ทางวัดจัดตั้งขึ้น ภายในร้านมีทั้งพระพุทธรูป หยก ลูกประคำ รวมถึงเครื่องรางอีกนานาชนิดให้เลือกซื้ออย่างจุใจ
ตำหนักทองจินเตี้ยน
ที่ประทับของทรราชแห่งราชวงศ์หมิง
ด้านหลังของศาลาแปดเหลี่ยม เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชินราช ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งถูกอันเชิญจากประเทศไทยในสมัยรัฐบาลของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างไทย/จีน ด้านหน้าศาลาหลังนี้ จะมีรูปปั้นสิงห์หน้าประตูทางเข้าถึง 2 ตัว โดยมีความเชื่อว่า สิงห์ทั้ง 2 ตัวนี้ จะช่วยขจัดโรคภัยไข้เจ็บ เพียงแค่ได้ลูบไล้อวัยวะที่เจ็บป่วย และอธิษฐาน ก็จะหายสมดังคำขอ เช่น ปวดหัวก็ให้ลูบที่หัว หรือปวดขาก็ให้ลูบที่ขา แต่ถ้าหากลูบผิดตัว ก็จะไม่สมหวังดังใจคิด เพราะสิงห์ทั้ง 2 มีทั้งเพศผู้ และเพศเมีย นอกจากนี้ยังมีร้านขายของฝากที่ทางวัดจัดตั้งขึ้น ภายในร้านมีทั้งพระพุทธรูป หยก ลูกประคำ รวมถึงเครื่องรางอีกนานาชนิดให้เลือกซื้ออย่างจุใจ
ตำหนักทองจินเตี้ยน
ที่ประทับของทรราชแห่งราชวงศ์หมิง
สถานที่ต่อไปเป็นแหล่งข้อมูลของประวัติศาสตร์ชาวจีน ในยุคของราชวงศ์หมิง เมื่อประมาณ 400 ปีก่อน ซึ่งถูกบรรยายเป็นเรื่องราวพร้อมรูปภาพเหตุการณ์ต่างๆ นั่นคือ ตำหนักทองจินเตี้ยน ตำหนักแห่งนี้เป็นที่ประทับของ อู๋ซันกุ้ย ซึ่งมียศถาบรรดาศักดิ์เป็นผู้ครองเมืองยูนานในสมัยนั้น
ชีวประวัติของจอมทัพผู้นี้ไม่ธรรมดา และมีบัญญัติอยู่ในพงศาวดารจีนอีกด้วย แม่ทัพผู้นี้เป็นหนึ่งในจอมราชันย์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลเมืองด่านซันไห่กวน อันเป็นเมืองด้านหนึ่งของกำแพงเมืองจีน ซึ่งเป็นด่านสำคัญที่ป้องกันการรุกรานจากศัตรู หลังจากที่ได้ออกรบช่วยเมืองหน้าด่านอื่นๆ ต่อสู้กับศัตรูที่มาจากทั่วสารทิศ แล้วปล่อยให้คนรักอยู่เฝ้าตำหนักแต่เพียงผู้เดียว (แม่นางเฉินหยวนหยวน) ในสมัยนั้นหญิงสาวผู้นี้มีชื่อเสียงในด้านความงาม จึงเป็นที่หมายปองของเจ้าเมืองต่างๆ จนเกิดการชิงนางขึ้นในระหว่างที่ อู๋ซันกุ้ย ไปทำการศึกในต่างแดน เหตุนี้จึงทำให้ราชวงศ์หมิงล่มสลาย เพราะอู๋ซันกุ้ย ได้ไปสวามิภักดิ์กับพวก แมนจู เปิดประตูเมืองให้พวกข้าศึกเข้ามายึดครองเมือง ทำให้ฮ่องเต้ในสมัยนั้น ได้สละบัลลังก์ ซึ่งกลายเป็นที่มาของคำว่าทรราชขายแผ่นดิน ซึ่งมีปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ของจีน
ตำหนักทองหลังนี้ ตั้งอยู่บนยอดเขาหมิงเฟิง สร้างจากทองสัมฤทธิ์หนักกว่า 300 ตัน ภายในจะเป็นที่ประดิษฐานของศาลเจ้า และวัดจีน ซึ่งมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ทั้งยังมีภาพเขียนที่เรียบเรียงเรื่องราวของแม่ทัพอู๋ซันกุ้ย อย่างละเอียด และมีศัสตราวุธคู่ชีพของจอมทัพผู้นี้แสดงอยู่ภายใน รวมถึงบัลลังก์ของแท้ที่ตั้งให้ผู้มาเยือนได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก สถานที่แห่งนี้ยังมีต้นไม้ประหลาดที่เรียกว่าต้น จั๊กจี้ มีอายุยาวนานเกือบ 400 ปี ต้นไม้นี้พิเศษตรงที่ว่าหากนำมือไปลูบคลำที่ลำต้น ใบไม้ที่อยู่ส่วนบนจะสั่นระริกเหมือนอาการของคนที่จั๊กจี้ไม่มีผิด
ทอดน่อง ณ จินปี้ลู่
ถนนคนเดินที่เก่าแก่ของคุนหมิง
ชีวประวัติของจอมทัพผู้นี้ไม่ธรรมดา และมีบัญญัติอยู่ในพงศาวดารจีนอีกด้วย แม่ทัพผู้นี้เป็นหนึ่งในจอมราชันย์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลเมืองด่านซันไห่กวน อันเป็นเมืองด้านหนึ่งของกำแพงเมืองจีน ซึ่งเป็นด่านสำคัญที่ป้องกันการรุกรานจากศัตรู หลังจากที่ได้ออกรบช่วยเมืองหน้าด่านอื่นๆ ต่อสู้กับศัตรูที่มาจากทั่วสารทิศ แล้วปล่อยให้คนรักอยู่เฝ้าตำหนักแต่เพียงผู้เดียว (แม่นางเฉินหยวนหยวน) ในสมัยนั้นหญิงสาวผู้นี้มีชื่อเสียงในด้านความงาม จึงเป็นที่หมายปองของเจ้าเมืองต่างๆ จนเกิดการชิงนางขึ้นในระหว่างที่ อู๋ซันกุ้ย ไปทำการศึกในต่างแดน เหตุนี้จึงทำให้ราชวงศ์หมิงล่มสลาย เพราะอู๋ซันกุ้ย ได้ไปสวามิภักดิ์กับพวก แมนจู เปิดประตูเมืองให้พวกข้าศึกเข้ามายึดครองเมือง ทำให้ฮ่องเต้ในสมัยนั้น ได้สละบัลลังก์ ซึ่งกลายเป็นที่มาของคำว่าทรราชขายแผ่นดิน ซึ่งมีปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ของจีน
ตำหนักทองหลังนี้ ตั้งอยู่บนยอดเขาหมิงเฟิง สร้างจากทองสัมฤทธิ์หนักกว่า 300 ตัน ภายในจะเป็นที่ประดิษฐานของศาลเจ้า และวัดจีน ซึ่งมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ทั้งยังมีภาพเขียนที่เรียบเรียงเรื่องราวของแม่ทัพอู๋ซันกุ้ย อย่างละเอียด และมีศัสตราวุธคู่ชีพของจอมทัพผู้นี้แสดงอยู่ภายใน รวมถึงบัลลังก์ของแท้ที่ตั้งให้ผู้มาเยือนได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก สถานที่แห่งนี้ยังมีต้นไม้ประหลาดที่เรียกว่าต้น จั๊กจี้ มีอายุยาวนานเกือบ 400 ปี ต้นไม้นี้พิเศษตรงที่ว่าหากนำมือไปลูบคลำที่ลำต้น ใบไม้ที่อยู่ส่วนบนจะสั่นระริกเหมือนอาการของคนที่จั๊กจี้ไม่มีผิด
ทอดน่อง ณ จินปี้ลู่
ถนนคนเดินที่เก่าแก่ของคุนหมิง
แหล่งท่องเที่ยวสุดท้ายที่อยากแนะนำ คือ จินปี้ลู่ แหล่งชอพพิงของหนุ่ม/สาวสมัยใหม่ ที่มีความศิวิไลซ์ตามการพัฒนาของเมืองใหญ่ ที่นี่จะเป็นที่ตั้งของประตูม้า/ประตูไก่ที่มีอายุยาวนานกว่า 400 ปี รวมถึงเป็นที่ถูกอกถูกใจของบรรดานักชอพพิง เพราะมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่รอบๆ ย่านการค้าแห่งนี้ เป็นแหล่งรวมเสื้อผ้าบแรนด์เนมทั้งของจีนและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีเครื่องประดับอัญมณี ร้านเครื่องดื่ม ร้านอาหารทั้งสากล/พื้นเมือง และร้านขายของที่ระลึก ฯลฯ รวมการแสดงน้ำพุดนตรีที่ตื่นตาตื่นใจ
แม้ว่าจะใช้เวลาเก็บเกี่ยวเรื่องราวของนครคุนหมิง ได้ไม่นานนัก แต่ทริพการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างแดนของผม ถือว่าได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เสริมภูมิความรู้ของชนชาติที่ได้ชื่อว่ามีแผ่นดินใหญ่ และจำนวนประชากรที่หนาแน่นที่สุดในโลก อีกทั้งยังทราบถึงประวัติศาสตร์ในบางช่วงบางตอนของชาวจีน ที่มีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นซึ่งกันและกัน หันมองกลับมายังบ้านเมืองของเรา ทำให้ผมเกิดความสำนึกรักบ้าน และแผ่นดินเกิดขึ้นมากมาย โชคยังดีที่กลับมาถึงเมืองไทย เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองจบลงแล้ว ต่อไปนี้ก็อยู่ที่พวกเรา ประชาชนชาวไทยเองที่จะร่วมมือพัฒนาแผ่นดินเกิดของพวกเรา ดีกว่าที่จะสร้างความแตกแยกของคนในประเทศ แค่นี้บ้านเราก็ล้าหลังจีนไปหลายช่วงตัวแล้วครับพี่น้อง
ที่มา : www.autoinfo.co.th
แม้ว่าจะใช้เวลาเก็บเกี่ยวเรื่องราวของนครคุนหมิง ได้ไม่นานนัก แต่ทริพการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างแดนของผม ถือว่าได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เสริมภูมิความรู้ของชนชาติที่ได้ชื่อว่ามีแผ่นดินใหญ่ และจำนวนประชากรที่หนาแน่นที่สุดในโลก อีกทั้งยังทราบถึงประวัติศาสตร์ในบางช่วงบางตอนของชาวจีน ที่มีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นซึ่งกันและกัน หันมองกลับมายังบ้านเมืองของเรา ทำให้ผมเกิดความสำนึกรักบ้าน และแผ่นดินเกิดขึ้นมากมาย โชคยังดีที่กลับมาถึงเมืองไทย เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองจบลงแล้ว ต่อไปนี้ก็อยู่ที่พวกเรา ประชาชนชาวไทยเองที่จะร่วมมือพัฒนาแผ่นดินเกิดของพวกเรา ดีกว่าที่จะสร้างความแตกแยกของคนในประเทศ แค่นี้บ้านเราก็ล้าหลังจีนไปหลายช่วงตัวแล้วครับพี่น้อง
ที่มา : www.autoinfo.co.th
.jpg)
.png)
**************************************************
บริการจัดทัวร์
ทัวร์เชียงตุง ทัวร์เมืองยอง ทัวร์สิบสองปันนา ทัวร์คุนหมิงจีน ทัวร์หลวงพระบาง ทัวร์วังเวียงลาว ทัวร์มัณฑเลย์ ทัวร์พุกาม ทัวร์ทะเลสาบอินเล ทัวร์ตองจี ทัวร์รัฐฉาน
ทัวร์เชียงตุง ทัวร์เมืองยอง ทัวร์สิบสองปันนา ทัวร์คุนหมิงจีน ทัวร์หลวงพระบาง ทัวร์วังเวียงลาว ทัวร์มัณฑเลย์ ทัวร์พุกาม ทัวร์ทะเลสาบอินเล ทัวร์ตองจี ทัวร์รัฐฉาน
บริษัท เชียงตุงเรียลเอสเตท แอนด์ ทราเวล จำกัด
เลขที่ใบอนุญาต 21/00833
โทร : 092-891-2277,093-2537733,053-727255
ไลน์ไอดี : @chiangtung
เว๊ปไซค์ : Chiangtungbiz.com
youtube:http://bit.ly/2HDFdMO
บทความที่คุณอาจสนใจ
คำให้สัมภาษณ์เจ้านางองค์สุดท้ายของเชียงตุง เจ้าสุคันธา ณ เชียงใหม่ #ตอนที่ 7 ตอนจบ
เรื่องผีสาง และความเชื่ออยู่คู่ไทยและล้านนาแต่นาน ราวปี พ.ศ. 2549-2550 มีข่าวทั้งทีวีและหนังสือพิมพ์หลายฉบับลงข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดที่บ้านหลังหนึ่งที่เป็นร้านอาหารแถวๆอ้าเภอฮอดถึงจอมทองอยู่ๆก็มีขวดน้้าเปล่ากระเด็นลอยมาจากห้องครัว บางครั้งมีแขกกำลังรับประทานอาหารอยู่กลับมีขวดน้ำตกลงจากโต๊ะ เผลอๆหากเจ้าของไม่อยู่กลับเอาข้าวของในตู้เย็นตกเกลื่อนกลาด ท้าให้เป็นข่าวกันไปทั้งเมือง ที่จริงเหตุการณ์ท้านองนี้มีมานานแล้วเพียงแต่คนโบราณเรียกกันว่า เฮือนผีขว้าง
การเดินทางด้วยรถไฟในครั้งสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งรัตณโกสินนั้นเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับชาวสยาม(ชาวไทย) เนื่องจาก ในสมัยนั้นการเดินทางส่วนมากด้วยเรืือ เกวียน และล้อ เป็นส่วนใหญ่ จะมีในระแวกกรุงเทพฯที่จะมีรถยนต์พอให้เห็นบ้างเท่านั้น แน่นอนที่การขนส่งสินค้ากับหัวเมืองพายับหรือทางเหนือต้องใช้เวลานาน....